ประโยชน์ของ ผลไม้รสชาติเปรี้ยว ในตระกูลซิตรัส ค้นพบความสดชื่นและสมดุลในร่างกาย

ประโยชน์ของ ผลไม้รสชาติเปรี้ยว ในตระกูลซิตรัส ค้นพบความสดชื่นและสมดุลในร่างกาย

ตระกูล ผลไม้รสชาติเปรี้ยว เช่น ส้ม ส้มเขียวหวาน มะนาว และมะนาว ขึ้นชื่อในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย นอกจากจะมีวิตามินซีสูงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีสารอาหารที่จำเป็น วิตามิน แร่ธาตุ และ สารประกอบที่มีประโยชน์อื่นๆ ที่ทำให้สุขภาพดี แล้วส้มมีประโยชน์อย่างไรและควรบริโภคอย่างปลอดภัยอย่างไร?

เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประโยชน์ทางโภชนาการและสุขภาพ หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือวิตามินซี ซึ่งพบได้ในผลไม้รสเปรี้ยวหรือผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้รสเปรี้ยวเป็นแหล่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญและยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวหนังอีกด้วย 

เรามาทำความรู้จักกับ ผลไม้รสเปรี้ยว ประโยชน์ กันดีกว่า มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร และเหตุใดจึงถือเป็นแหล่งวิตามินซีเข้มข้นสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพที่ดี  นอกจากจะเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมของอาหารแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ เช่น น้ำตาล ใยอาหาร โพแทสเซียม โฟเลต และเบต้าแคโรทีน ซึ่งแพทย์แผนจีนมักใช้เพื่อรักษาอาการไอ อาหารไม่ย่อย ปวดกล้ามเนื้อ อาการอักเสบ และลดความดันโลหิต ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด 

ประโยชน์ของรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้มชนิดบรรจุกล่อง อาจเสริมด้วยวิตามินดีและแคลเซียมเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ โดยสรุป ผลไม้รสเปรี้ยวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากมีวิตามินซีสูงและสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมของอาหารเท่านั้น แต่ยังให้คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย การรวมผลไม้รสเปรี้ยวไว้ในอาหารของคุณสามารถช่วยรักษาสุขภาพที่ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้

ผลไม้ตระกูลซิตรัส ผลไม้รสชาติเปรี้ยว คืออะไร ?

ผลไม้ตระกูลซิตรัส ผลไม้รสชาติเปรี้ยว คืออะไร

ผลไม้รสเปรี้ยวหรือที่รู้จักกันในชื่อสกุล Citrus เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลนี้ ขึ้นชื่อในเรื่อง ผลไม้รสเปรี้ยว มีอะไรบ้าง หรือเปรี้ยวหวาน สีสันสดใส รูปร่างและขนาดต่างๆ ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิดมีกลิ่นหอม จึงมักใช้สกัดน้ำมันหอมระเหย ผลไม้รสเปรี้ยวที่รู้จักกันดีที่สุด ได้แก่ มะนาว มะนาว ส้ม เกรปฟรุต และส้มประเภทต่างๆ 

เช่น ส้มแมนดาริน ส้มหวาน ส้มยูซุ และส้มเขียวหวาน นอกจากรสชาติและกลิ่นหอมที่โดดเด่นแล้ว ผลไม้ตระกูลส้มยังได้รับความนิยมอย่างสูงเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ผลไม้รสเปรี้ยวต่างประเทศ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตนิวเทรียนท์ ผลไม้รสเปรี้ยวอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี ไฟเบอร์ 

โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และทองแดง นอกจากนี้ยังมีไฟโตนิวเทรียนท์หลายชนิด เช่น แคโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ซึ่งไม่เพียงแต่ให้สีที่สดใสและกลิ่นหอมเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ ผลไม้ที่รสเปรี้ยว ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายและป้องกันปัญหาสุขภาพบางอย่างอีกด้วย

ซีตรัสฟรุต ผลไม้รสเปรี้ยวมีอะไรบ้าง ?

ผลไม้รสเปรี้ยวมีอะไรบ้าง ผลส้มหรือที่เรียกกันว่าตระกูลส้มเติบโตได้ทั้งบนต้นไม้และพุ่มไม้ ผลมีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ มีเปลือกคล้ายหนังและมีเยื่อสีขาวเป็นน้ำล้อมรอบเนื้อฉ่ำภายใน ผลส้มเป็นผลไม้พื้นเมือง ไปยังออสเตรเลีย นิวกินี นิวแคลิโดเนีย และอาจบางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน 

ปลูกในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนทั่วโลก ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมีอะไรบ้าง ผลไม้เหล่านี้ขึ้นชื่อในเรื่องรสเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ซึ่ง จึงมักนิยมนำมาทำน้ำผลไม้ นอกจากนี้ ผลไม้จำพวกซิตรัสบางพันธุ์ยังได้รับคัดเลือกให้มีกลิ่นหอมและนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยอีกด้วย พันธุ์ผลไม้ตระกูลส้มที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จัก ได้แก่

  1. ส้มหวาน: ส้มวาเลนเซีย, ส้มเรือ, ส้มเลือด, ส้มคาร่าคาร่า
  2. แมนดาริน: แมนดาริน Satsuma, แมนดารินเคลเมนไทน์, Tangor, Tangelo
  3. มะนาว: มะนาวเปอร์เซีย, มะนาวคีย์, มะนาวมะกรูด
  4. เกรปฟรุต: เกรปฟรุตสีขาว, เกรปฟรุตสีแดงทับทิม, ออโรบลังโก
  5. มะนาว: มะนาวยูเรก้า, มะนาวเมเยอร์
  6. ชนิดอื่นๆ : มะนาว ส้มยูสุ ส้มโอ ผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหมด

ผลไม้รสเปรี้ยวเหล่านี้มีรสชาติที่หลากหลายและสามารถรับประทานได้ในรูปแบบต่างๆ

ซีตรัสฟรุต ผลไม้รสเปรี้ยวมีอะไรบ้าง

ความเสี่ยงในการบริโภค ผลไม้รสชาติเปรี้ยว ที่ควรรู้

ผลไม้ตระกูลซิตรัสมีความเป็นกรดสูง ผลไม้รสเปรี้ยว pantip ทำให้ฟันเสียวหรือผุได้ จึงควรแปรงฟันหลังบริโภคเพื่อป้องกันการทำลายเคลือบฟัน นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิดเช่นยาลดคอเลสเตอรอลในเลือด ยาลดความดันโลหิต หรือยากดภูมิคุ้มกัน ควรงด ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวที่สุดคืออะไร โดยเฉพาะเกรปฟรุต 

เนื่องจากมีสารฟูราโนคูมารีนที่ส่งผลให้เอนไซม์ในลำไส้ทำงานผิดปกติ และทำให้ร่างกายดูดซึมยามากเกินไป นอกจากนี้ การบริโภคส้มแบบผลมากกว่าน้ำส้มอาจทำให้พลาดโอกาสในการได้รับกากใยอาหาร ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดปริมาณการกินส้มไม่เกิน 2 ผลต่อวัน ผลไม้รสเปรี้ยว สีแดง เพราะการบริโภคส้มมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงการรับประทานส้ม เนื่องจากส้มมีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง อาจทำให้อาการไตกำเริบเสียหายได้

การบริโภค citrus fruit ในแต่ละวัน

การบริโภค citrus fruit วิตามินซีในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนร่างกายให้แข็งแรงและป้องกันการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น วิตามินซีจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่เราบริโภค เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินซีได้เอง คำแนะนำจากองค์กรอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และสภาอาหารและโภชนาการแห่งประเทศไทย (AFN) ว่าผู้ใหญ่ควรบริโภค citrusคือ วิตามินซีประมาณ 65-90 มิลลิกรัมต่อวัน 

ส่วนเด็กและวัยรุ่นควรบริโภควิตามินซีประมาณ 45-75 มิลลิกรัมต่อวัน การบริโภควิตามินซีเกินปริมาณที่เหมาะสมอาจมีผลข้างเคียง เช่น อาจเกิดอาการท้องผูก แน่นหน้าอก หรือปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย ดังนั้นเราควรบริโภค original citrus fruits วิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันเพื่อป้องกันผลข้างเคียง

การบริโภค citrus fruit ในแต่ละวัน

คำแนะนำในการรับประทาน ผลไม้รสชาติเปรี้ยว (วิตามินซี)

  • ผลไม้ที่เปรี้ยว การรับประทานวิตามินซีควรทำพร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น เพื่อให้วิตามินซีมีประสิทธิภาพในการรักษาสุขภาพตลอดเวลา
  • ผู้ที่รับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงควรแจ้งแพทย์ก่อนการตรวจเลือดหรือการตรวจมะเร็งปากมดลูก เพื่อป้องกันผลการตรวจที่ผิดพลาด
  • ค่าน้ำตาลในปัสสาวะของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจไม่ถูกต้องหากมีการรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูง
  • การรับประทานวิตามินซีร่วมกับยาเบาหวานอาจทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง
  • ผู้ที่มีโรคเบาหวานชนิด 2 หรือความดันโลหิตสูง ผลไม้มีรสเปรี้ยว สามารถลดความดันโลหิตได้โดยการรับประทานวิตามินซีวันละ 500 mg.
  • ผู้ที่มีโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้มีเหล็กสะสมในร่างกายมากไม่ควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงกว่า 750 mg. ต่อวันและควรรับประทานแมกนีเซียมเสริมเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต
  • การอยู่ในเมืองอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินซี จึงควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มขึ้น
  • การรับประทาน ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน วิตามินซีควรร่วมกับไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม และแมกนีเซียมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ผู้ที่รับประทานยาแอสไพรินควรเพิ่มปริมาณวิตามินซี เนื่องจากยาแอสไพรินจะทำให้วิตามินซีถูกขับออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น
  • ควรเว้นระยะเวลา 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังการ
  • การใช้ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถทำลายวิตามินซีได้ ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองควรเพิ่มปริมาณการบริโภควิตามินซีเพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดควรเพิ่มปริมาณการบริโภควิตามินซีเพื่อความเพียงพอ
  • เพื่อให้วิตามินซีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ผลไม้รสชาติเปรี้ยว ควรรับประทานพร้อมกับไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม และแมกนีเซียม
  • หากคุณใช้ยาแอสไพริน ควรเพิ่มปริมาณการบริโภควิตามินซีเนื่องจากแอสไพรินจะทำให้วิตามินซีถูกขับออกจากร่างกายได้เร็วขึ้นถึงสามเท่า
  • หากคุณบริโภคโสม ควรรอให้เวลาผ่านไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังการบริโภควิตามินซี
  • เพื่อบรรเทาอาการหวัด ควรรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม สองครั้งต่อวัน การศึกษาพบว่าการบริโภควิตามินซีในปริมาณดังกล่าวสามารถลดระดับฮิสตามีนในเลือดลงได้ถึงร้อยละ 40 (ฮิสตามีนเป็นสารที่ส่งผลให้เกิดอาการน้ำมูกและน้ำตาไหล)

สิ่งที่คุณจะได้จาก ผลไม้ตระกูล ซิตรัส

ผลไม้ตระกูล ซิตรัส มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 

อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต เนื่องจาก ผลไม้ซิตรัส สามารถเพิ่มระดับซิเตรตในปัสสาวะได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่าผลไม้ตระกูลซิตรัสอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ เนื่องจากมีสารพฤกษเคมีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารฟลาโวนอยด์ 

ที่มีฤทธิ์ป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกันการสร้างเซลล์มะเร็งใหม่ และยับยั้งการทำงานของสารก่อมะเร็งด้วย ซีตรัส ผลไม้ ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว เมื่อร่างกายมีเม็ดเลือดขาวเพียงพอก็สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่าสารประกอบต่างๆ ในผลส้ม เช่น ไฟเบอร์ ฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยเพิ่มระดับ HDL คอเลสเตอรอลหรือคอเลสเตอรอล “ดี” และลดระดับคอเลสเตอรอล LDL หรือคอเลสเตอรอล “ไม่ดี” นอกจากนี้ยังสามารถลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้โพแทสเซียมในผลส้มยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

  • บำรุงสมอง

Quercetin ซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ที่พบในผลส้มอาจช่วยป้องกันการอักเสบเรื้อรังได้ เมื่อการอักเสบในร่างกายลดลง ความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสันก็อาจลดลงเช่นกัน งานวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าผลส้มสามารถช่วยการทำงานของสมองได้

  • ช่วยบำรุงผิว

วิตามินซีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยรักษาความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวไม่ให้อ่อนแอ แห้ง และมีริ้วรอย วิตามินซียังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่ออีกด้วย ผลไม้รสชาติเปรี้ยว